สร้างความสำเร็จง่ายๆ แค่เปลี่ยนวิธีคิด

สร้างความสำเร็จง่ายๆ แค่เปลี่ยนวิธีคิด

ในทุกๆอาชีพจะมีผู้คนอยู่ 2 กลุ่มคือ “กลุ่มที่ประสบความสำเร็จ” กับ “กลุ่มที่ไม่ประสบความสำเร็จ” ทั้งสองกลุ่มนี้มีวิธีคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยกลุ่มที่ทำอะไรแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือ ทำแล้วไปไม่ถึงจุดที่ควรจะไปถึง อาจไปถึงแค่ครึ่งๆกลางๆ วิธีคิดที่กลุ่มไม่ประสบความสำเร็จมักจะยึดการหาวิธีลัดเป็นหลักใหญ่ และ เลือกมองหาเฉพาะความสำเร็จจากคนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อจะหาวิธีลัดเข้าสู่ความสำเร็จ โดยที่ไม่ได้มองถึงศักยาภาพของตนเองว่าจะสามารถไปถึงความสำเร็จได้โดยวิธีลัดหรือไม่ คนที่จะสามารถใช้วิธีลัดได้ ก็คือคนที่ทำมาทุกวิธีการ ศึกษามามาก ลองผิดลองถูกมาก็มาก แต่ยังค้นหาทางออกไม่เจอ แต่พอได้คำแนะนำ หรือ ได้เห็นบางอย่างที่กระตุ้นแล้วทำให้เกิดวิธีการก้าวสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้นทันทีเพราะมีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

แต่หากไม่ได้มีองค์ความรู้ ไม่ได้ศึกษามาอย่างจริงๆจัง ไม่ได้เจอปัญหาที่ต้องไล่แก้ไขทีละเปาะๆ ไม่ได้พบเจออุปสรรคในรูปแบบต่างๆ แล้วอยากที่จะประสบความสำเร็จด้วยวิธีลัด มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์จากความรู้สึกดีใจ ผิดหวัง โกธร แค้น เศร้า ทุกอย่างที่ผ่านมา มาเป็นบทเรียนในการสร้างความสำเร็จ เหมือนกับคนที่ไม่เคยอกหักจากความรัก ซึ่งจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของการอกหักว่ามันเป็นเช่นไร เมื่อไม่เคยมีความรักมาก่อน แล้วอยากอกหักมันเป็นก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว

หลายๆคนพยายามตามดูผลงานของคนที่ประสบความสำเร็จ แล้ว ละเลยการพัฒนาตนเอง การมองหาข้อด้อยของตนเองเพื่อแก้ไข ถ้าเป็นงานเทรดมือหลายๆคนก็อยากดูผลงานเทรดของคนที่เทรดเก่งแล้ว ถามว่าดูแล้วได้อะไร ดูแล้วช่วยอะไรได้บ้าง มันก็มีแค่ดูแล้วกลายเป็นไปกระตุ้นต่อมความโลภมากกว่า ที่จะไปกระตุ้นให้คิดปรับปรุงตนเองเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายของความสำเร็จตามที่เห็น

หลายคนอยากดูก่อนว่าสิ่งที่จะทำนั้นมันสำเร็จจริงหรือไม่ คนไม่ประสบความสำเร็จจะรอๆๆดูให้เห็นว่ามีคนทำสำเร็จก่อนจึงจะลงมือทำ แต่คนที่ประสบความสำเร็จ พอคิดว่ามันเป็นไปได้ก็จะลงมือทำทันที มันก็เลยกลายเป็นว่า คนหนึ่งเน้น “ดูและขอ” อีกคนหนึ่งเน้น “ลุยลงมือทำ

บางคนสนใจงานเทรดแต่ไม่แน่ใจว่าเทรดแล้วทำกำไรจริงหรือเปล่า ถ้างานเทรดมันพึ่งเริ่มมีเมื่อปีนี้ หรือ ปีที่แล้ว อันนั้นถือว่าควรจะดูให้แน่ใจก่อนว่ามันได้กำไรจริงหรือไม่ แต่นี้งานเทรดมันมีมามากกว่า 50 ปีมาแล้ว คำถามว่าเทรดแล้วได้กำไรจริงหรือไม่นั้น มันดูแปลกๆนะ

ความสำเร็จมาจากประสบการณ์โดยตรง

ความสำเร็จของแต่ละคนนั้นยากมากที่จะลอกเลียนแบบกันได้ง่ายๆเร็วๆ ไม่งั้นคนรวยก็มีมากกว่าคนจนแน่นอน เนื่องจากว่าความสำเร็จมันมีพื้นฐานมาจากประสบการณ์ที่สะสมมานานพอ และที่สำคัญประสบการณ์ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้เพื่อสร้างทางลัดไปสู่ความสำเร็จได้ การได้มาซึ่งประสบการณ์ต้องมาจากการฝึกฝนและลงมือทำด้วยตนเองต่อเนื่องในระยะยาวเท่านั้น เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่เข็มแข็งอย่างแท้จริง การมีประสบการณ์ที่มากพอจะทำให้เราได้เรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ เมื่อเราแก้ไขปัญหาที่เข้ามาได้เราก็จะเข้าใกล้ความสำเร็จเข้าไปเรื่อยๆ เพราะปัญหามันคืออุปสรรคที่คอยขวางกั้นความสำเร็จนั้นเอง หากเราไม่สามารถจัดการปัญหาได้เราก็จะไม่สามารถเข้าไปใกล้ความสำเร็จได้ ดังนั้นการขอดูที่มาขอดูความสำเร็จของคนอื่นจึงไม่ได้มีประโยชน์ใดๆเลยหากเรายังไม่เข้าใจที่มาของความสำเร็จ จะเห็นได้ชัดเจนมากก็คือ เราสามารถหาซื้อหนังสือที่เขียนจากคนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆตามร้านหนังสือ ในหนังสือได้เขียนรายละเอียด พร้อมเล่าวิธีจัดการปัญหาต่างๆไว้ให้ได้อ่าน แต่มีซักกี่คนที่อ่านแล้วทำตามแล้วประสบความสำเร็จตามที่อ่าน

งานเทรดคืองานบริหารความเสี่ยง

มือใหม่จำนวนมากมักจะเข้าใจว่างานเทรดคืองานเก็งกำไร และหาวิธีบริหารให้ได้ตัวเลขกำไรมากๆ ซึ่งในโลกของความเป็นจริงในทุกๆอาชีพไม่มีใครสามารถบริหารกำไรได้เลยซักคน ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอกว่าทำอย่างไรจะได้กำไรได้ง่ายๆโดยใช้เวลาสั้นๆ ขนาดว่า ลงทุนซื้อล๊อตเตอรี่ว่าได้เงินล้านโดยไม่ออกแรงอะไรเลยก็ยังยากที่จะประสบความสำเร็จ ทุกๆงานทุกๆอาชีพ กว่าจะเข้าไปสู่ความสำเร็จได้นั้น มันต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ดังนั้นอุปสรรคคือบันไดในการก้าวสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง ไม่มีความสำเร็จใดที่สำเร็จได้โดยที่ไม่ต้องเจออุปสรรคมาก่อน หากสำเร็จได้ก็มาจากโชคช่วยแบบฟลุกๆ และฟันธงได้เลยว่าในเวลาต่อมาเมื่อมีอุปสรรคเข้ามาให้แก้ไขก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ และ สุดท้ายมันก็จะเป็นเพียงความสำเร็จแบบชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น

ในงานเทรดความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เราสามารถกำหนดได้ทันทีตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดออเดอร์ใดๆ เราสามารถกำหนดล่วงหน้าได้ว่าหากผิดพลาดจะขาดทุนกี่เปอร์เซนต์ของเงินทั้งหมดในพอร์ต มืออาชีพจะวางแผนจำกัดความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า การผิดพลาดแล้วขาดทุนจึงไม่ได้สร้างความเสียหายต่อพอร์ตการลงทุนมากนักมันเพียงรอยข่วนเล็กๆ ไม่ใช่เลือดอาบทั้งตัว

มือใหม่มักจะเข้าเทรดด้วยการมองว่าการเข้าเทรดครั้งนี้จะหาระยะทำกำไรยาวๆได้อย่างไรเป็นตัวหลัก คือวางแผนมองตัวเลขกำไรเป็นหลัก ซึ่งความเป็นจริงไม่มีใครรู้หรอกว่าราคามันจะวิ่งไปจากทีเปิดออเดอร์ไปได้ไกลแค่ไหน มันอาจจะวิ่งไปถูกทางแป๊บเดียวก็วิ่งสวนทางอย่างแรง หากไม่มีระบบจำกัดความเสี่ยงที่ดี รวมถึงการไม่ควบคุมความโลภก็จะเปิดออเดอร์สู้ หรือ เลื่อน Stop loss หนีห่างๆ เพราะหวังแค่ว่าเดี๋ยวราคามันก็กลับมาในทิศทางเดิม ผลก็คือขาดทุนหนัก และ อาจโดนล้างพอร์ตไปในที่สุด

จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงเราสามารถควบคุมมันได้ แต่กำไรเราไม่สามารถไปกำหนดมันได้ตามที่เราต้องการ เทรดเดอร์คนไหนที่ควบคุมความเสี่ยงและจำกัดความเสี่ยงได้ดีก็จะสามารถสร้างกำไร และ ทำให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้ต่อเนื่อง

การควบคุมความเสี่ยงทำให้เราสามารถพลาดได้หลายครั้งโดยที่ไม่ล้างพอร์ต แต่การไม่มีการควบคุมความเสี่ยงเราพลาดไม่กี่ครั้งก็ล้างพอร์ตแล้ว

คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จจะมองงานเทรดเป็นการเก็งกำไร ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ต่างกับการซื้อหวยแล้วรอลุ้น แต่คนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จในการเทรด จะมองว่างานเทรดคือธุรกิจ คือการลงทุน ผลลัพธ์ที่ออกมามันจึงออกมาตามวิธีคิด

งานเทรดคืองานบริหารความโลภและอารมณ์

ในการเทรดเราจะใช้อารมณ์เข้ามาร่วมไม่ได้โดยเด็ดขาด งานเทรดที่ดีจำเป็นต้องทำตัวเป็นหุ่นยนต์คือทำตามคำสั่งที่ได้รับมา นั้นก็คือ การเทรดตามแผนที่กำหนดไว้ ได้ก็คือได้เท่าที่กำหนดไว้ เสียก็คือเสียตามที่กำหนดไว้ ไม่เลื่อน Stop loss ไม่เลื่อน Take Profit โดยไม่มีเหตุผลที่ดีรองรับ หากเราเทรดตามแผนที่กำหนดไว้อย่างเคร็งครัดก็จะเป็นการตัดการใช้อารมณ์ และ ความโลภ ในการเข้าเทรดได้เป็นอย่างดี

รวมถึงการเปิดออเดอร์หากจะลดความกดดันในการเทรดลงไปก็ควรเลือกเทรดด้วย Pending Order เป็นหลัก เพราะเราจะลดอาการคอยลุ้นผลของออเดอร์ลงไป เราจะมีเวลา และ สมาธิ ในงานอื่นๆมากขึ้น จะทำให้เรามีความใจเย็นในการเทรดมากขึ้น มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น

หลายคนเข้ามาเทรดเพราะหวังจะทำกำไรได้เท่านั้นเท่านี้ต่อวัน หรือ ต่อสัปดาห์ ซึ่งมีเทรดเดอร์จำนวนไม่มากนักที่มีทักษะความสามารถในการเทรดทำกำไรต่อวันได้ต่อเนื่องยาวนาน นั้นถือว่าพวกเขาผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน พวกเขาเหล่านั้นเทรดตามอุปนิสัยหลักของพวกเขาคือชอบรู้ผลเร็วๆ และ ถนัดการเทรดแบบนี้ และ ที่แน่นอนกว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้พวกเขาขาดทุนมานับครั้งไม่ถ้วน เคยท้อใจ เคยผ่านอารมณ์ในรูปแบบต่างๆมามากมาย ถือว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวจริงๆ

แต่หากเป็นมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอแล้วไปตั้งเป้ากำไรต่อวัน หรือ ต่อสัปดาห์ มันดูจะเกินความสามารถที่จะเป็นไปได้ มันจึงทำให้งานเทรดกลายเป็นงานการพนันไปในที่สุด เหมือนการเดินเข้าบ่อนเพื่อทำกำไรรายวัน แต่กลายเป็นการขาดทุนรายวันไปเพราะความไม่มีทักษะที่ดีพอ

เทรดเดอร์มือใหม่ควรเน้นมองว่าจะทำอย่างไรให้พอร์ตการลงทุนไม่ล้างในรอบ 3 เดือนแรก หากผ่านได้ ก็ขยับไปทีละ 3 เดือน หากทำได้ครบปี นั้นหมายถึงท่านมีความสามารถเอาตัวรอดในตลาดได้เป็นอย่างดีแล้ว ต่อไปก็ค่อยๆไปมองกำไรสะสมในระยะต่อไป มองการเตอบโตของพอร์ตเป็นหลัก อย่าไปมองตัวเลขกำไรต่อครั้ง หรือ ต่อวัน งานเทรดของท่านก็จะเป็นวิธีเทรดแบบนักลงทุนไปในที่สุด

สไตล์การเทรดแบ่งได้ตามบุคลิคของผู้เทรด

คนเราจะมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ใจร้อน ,ใจเย็น ,ละเอียดรอบคอบ ,ความอดทน ,ความมีวินัย ,จำนวนเงินทุน ,เวลาที่อื้อในการศึกษา ,เวลาที่เอื้อในการเทรด ,ความรับผิดชอบในครอบครัว ,ปัญหาชีวิตที่ต้องแก้ไข และ ปัจจัยอื่นๆ มันจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะลอกเลียนวิธีการของความสำเร็จกันได้ ซึ่งจะพบได้ค่อนข้างมากที่ อยากดูผลงานของคนโน้นคนนี้ว่าทำกำไรได้ดีแค่ไหน เพื่อที่จะทำตาม ด้วยความหวังที่ว่าจะได้ใช้วิธีลัดไปสู่การทำกำไร มันเป็นวิธีที่เป็นไปได้ยาก หรือ เป็นไปไม่ได้เลย

ตัวอย่างเช่นท่านเห็นร้านขายข้าวผัดกระเพรามีคนรอคิวกันยาว ซึ่งผัดกระเพราสำหรับคนทำอาหารมันง่ายมากมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย แต่ความสำเร็จของร้านที่มีคนรุมซื้อรอคิวยาวนั้น มันไม่ได้มีแค่วิธีการผัดกระเพราเท่านั้น มันมีปัจจัยร่วมอื่นๆอีกหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความสำเร็จในธุรกิจ และที่สำคัญธุรกิจทุกงานทุกอย่างมันไม่สามารถที่จะเลี่ยนแบบกันได้ง่ายๆ หากมันเลี่ยนแบบกันได้ง่ายๆก็คงมีคนรวยมากกว่าคนจนแน่นอน

งานเทรดก็เช่นกัน มันไม่ได้มีแค่การวิเคราะห์สัญญาณแค่นั้น มันมีเรื่องของการมีวินัยที่เคร่งครัดในการเทรด มีขั้นตอนการทำงานที่มีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอนในการเทรด มีการวางแผนบริหารพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเงินทุน การบริหารอารมณ์ และ ปัจจัยแวดล้อม ทั้งหมดเหล่านี้รวมกันและทำได้ดีในทุกๆขั้นตอน มันจึงจะได้มาซึ่งความสำเร็จ ดังนั้นหากจะคิดดูผลงานการเทรดของคนโน้นคนนี้ บอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่า เพราะยังไงๆก็ไม่สามารถจะเห็นทั้งเห็นทุกขั้นตอน และ ถึงจะเห็นทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ก็ไม่สามารถทำตามได้ทั้งหมด เพราะบุคลิคที่แตกต่างกันนั้นเอง

ลำดับความสำคัญของงานเทรดให้ออก โอกาสที่จะสำเร็จก็มีสูง

คำกล่าวนี้ไม่ได้โม้หรือกล่าวเกินจริง มันคือความจริง เชื่อเถอะว่าเทรดเดอร์มือใหม่จำนวนมาก หรือ แม้กระทั้งเทรดเดอร์ที่เทรดมานานหลายปีจำนวนหนึ่ง ที่ยังวนเวียนอยู่กับการหาสัญญาณแม่นๆ หาวิธีวิเคราะห์สัญญาณ หาเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้พอร์ตเติบโตซักที มีได้กำไรมากๆ (ช่วงตลาดเป็นเทรนด์) แต่ก็เสียคืนมากเช่นกัน (ตอนตลาดผันผวน) สุดท้ายก็ลงความเห็นว่าสัญญาณที่ใช้งานมันไม่แม่นยำพอ ต้องหาสัญญาณใหม่มาใช้งาน เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็วนเวียนหาสัญญาณอยู่เช่นนั้น นั้นเพราะลำดับความสำคัญของงานเทรดไม่ออก

หากเป็นการทำอาหารเชฟมืออาชีพมักจะมีการเลือกใช้เตาเลือกใช้กระทะ ถ้าอยากให้อาหารมีกลิ่มหอมกระทะก็ต้องเป็นกระทะเหล็ก ต้องเผาให้ได้ที่และเปาด้วยวิธีที่ถูกต้อง หากเรามัวแต่ปักใจว่าต้องหากระทะที่ดีๆให้ได้ โดยไม่สนใจเทคนิคการทำอาหาร เทคนิคการเลือกใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุง ขั้นตอนการใช้ความร้อน และอื่นๆ แล้วจะประสบความสำเร็จของการเป็นเชฟมืออาชีพได้อย่างไร เพราะไปทุ่ทเทกับขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งมากเกินไปนั้นเอง

ตามที่ได้แนะนำสมาชิกมามาก และ เน้นย้ำเสมอว่า อยา่ไปยึดติดกับสัญญาณมากเกินพอดี ต้องให้ความสำคัญในการวางแผนการเทรด ใช้แผนการเทรดเป็นกรอบในการเทรด มันจะเหมือนเราขับเรือที่มีหางเสือดีๆบังคับทิศทางได้ง่ายและแม่นยำ แผนการเทรดมันจะช่วยให้เราก้าวสู่ความสำเร็จได้เร็จขึ้น แน่นอนไม่มีแผนการเทรดใดที่วางขึ้นมาใช้ในเบื้องต้นมันจะได้ผลดีเยี่ยมในทันที มันย่อมมีจุดปกพร่องมากมายที่รอให้เราแก้ไขปรับปรุง หากเราใช้งานต่อเนื่องไปนานๆ เราจะมองเห็นจุดด้อยของมันชัดเจน และ ทำกำไรแก้ไขปรับปรุงแผนการเทรดนั้นๆให้ดีขึ้นตามลำดับ สุดท้ายท่านก็จะได้แผนการเทรดที่ดีที่สุดสำหรับท่านเพราะเข้ากับบุคลิคของท่านโดยเฉพาะ

แผนการเทรดที่ว่ามันก็จะประกอบไปด้วย เรื่องของสัญญาณ เรื่องของช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าเทรด เรื่องของการจำกัดความเสี่ยง เรื่องของการเทรดตามระบบได้คือได้เสียคือเสีย ไม่ใช้อารมณ์ในการเทรด และ ต้องฝึกวินัยในการเทรดให้ดีขึ้นเรื่อยๆ หากมีแผนการเทรดเป็นตัวนำร่อง วินัยจะค่อยๆตามมาเองในที่สุด แต่หากเราเทรดแบบไม่มีแผนการเทรดเป็นตัวนำร่อง มันก็ไม่ต่างกับการขับเรือที่ไม่มีหางเสือ หรือ ใช้ไม้พายมาเป็นหางเสือ มันอาจทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย หรือ กว่าจะไปถึงเป้าหมายใช้เวลานานแสนนาน

งานเทรดมันไม่ได้ยากเลย

จริงแล้วงานเทรดมันไม่ได้ยากหรือมีอะไรซับซ้อนเลย ตัวเราเองนี่แหละที่เป็นผู้กำหนดว่ามันง่ายหรือยาก ความสำเร็จเบื้องต้นของงานเทรดวัดกันสัดส่วนการได้กำไรต้องมากกว่าการขาดทุน ไม่ได้วัดกันที่ต้องใช้เทคนิคการวิเคราะห์สัญญาณชั้นสูงหรือไม่สูงในการเทรด ไม่ว่าจะใช้เทคนิคการวิเคราะห์สัญญาณชั้นสูง หรือ ไม่สูง หากพลาดก็คือขาดทุนเหมือนกัน หากถูกทางก็ได้กำไรเหมือนกัน ส่วนจะได้กำไรมากหรือกำไรน้อยในการเทรดแต่ละครั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินทุนและ Lot ที่ใช้แค่นั้น ตัวเลขกำไรไม่ได้มาจากเทคนิคที่เข้าออเดอร์ถูกทางแต่อย่างใด

หากเราเข้าใจขบวนการของงานเทรดได้ดี เราจะพบว่างานเทรดมันง่ายมาก ขอแค่ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ ทำตามแผนที่กำหนด ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ใช้ขบวนการต่างๆครบถ้วยแค่นั้น โอกาสชนะก็มีมากแล้ว ตัวอย่างเช่น ท่านดูเป็นแค่เทรนด์ว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง กับ ใช้งานเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้นตัดกัน ใช้เป็นแค่นี้อินดิเคเตอร์อื่นๆไม่รู้จักเลย แต่ท่านเน้นการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดการขาดทุนหนัก การใช้ความเสี่ยงที่ดีท่านสามารถที่จะขาดทุนได้หลายครั้งมาก โดยที่ไม่ล้างพอร์ต และ ไม่ทำให้กำลังใจหดหาย

แต่หากไม่ใช้การจำกัดความเสี่ยงท่านพลาดไม่กี่ครั้งก็ล้างพอร์ตแล้ว และ ท่านมีการเทรดตามระบบคือได้คือได้ตาม RR ที่กำหนด เสียก็เสียตามความเสี่ยงที่กำหนด ในช่วงเทรนด์ขาขึ้นเส้นค่าเฉลี่ยตัดขึ้นก็ Buy ทันทีในช่วงเทรนด์ขาลง เส้นค่าเฉลี่ยตัดลงก็ Sell ทันที ทำแค่นี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาเรื่องของการจำกัดความเสี่ยงและการเทรดตามแผนตามระบบเป็นหลัก แค่นี้งานเทรดของท่านก็มีสัดส่วนชนะมากกว่าแพ้แล้ว เชื่อเถอะว่าที่ล้างพอร์ตกันมากก็เพราะไม่ใช้การจำกัดความเสี่ยงที่เหมาะสม ใช้ความเสี่ยงที่เกินตัว และ ใช้ความหวังในการเทรด เช่น คิดว่าเดี๋ยวราคามันก็กลับคืนมาทิศทางเดิม ยอมให้โดนลากมากๆไปก่อน นั้นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างแรง หากมีเงินเป็นล้านในพอร์ต แล้วเปิด Lot เล็กๆ อย่างนั้นราคามันกลับมาแน่ครับ

ความจริงที่ใช้ได้ตลอดกาล

ถ้าอยากรวยแบบยั่งยืนก็ต้องฝึกการมีวิธีคิดแบบคนรวย คนถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ๆมีเงินหลายสิบล้านแต่เงินหมดไปในเวลาไม่นานเพราะขาดวิธีคิดของคนรวยนั้นเอง

อยากเป็นนักกีฬามืออาชีพก็ต้องขยันซ้อมให้นานให้มากและทำต่อเนื่องโดยไม่เบื่อ หากขี้เกียจซ้อม ผลัดวันประกันพรุ่งก็ไม่มีทางที่จะเป็นนักกีฬามืออาชีพได้

อยากเทรดแล้วรวยก็ต้องฝึกสร้างวิธีคิดแบบเทรดเดอร์มืออาชีพ ไม่ใช่เทรดตามใจฉันเอาที่ฉันสะดวก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรวยด้วยวิธีตามใจฉัน

ทุกๆงานๆทุกๆอย่างมันจะมีกรอบพื้นฐานของมันอยู่ เพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อยอาจแตกต่างกันไปตามบุคลิคของแต่ละคน แต่ยังเดินอยู่บนกรอบพื้นฐานที่ถูกต้อง งานก็มีโอกาสสำเร็จได้ในที่สุด

https://sniper3.com/easy

 

Login เพื่ออ่านต่อ...

เนื้อหาทั้งหมดของบทเรียนนี้ ทั้งบทความ ,วีดิโอ ,ไฟล์ PDF เข้าดูได้เฉพาะสมาชิกของ Sniper-III+คอร์ส เท่านั้น โดยการ Login เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าห้องเรียนในบทต่างๆ

หากยังไม่เป็นสมาชิก

คลิ๊กที่นี่เพื่อสมัครเข้าคอร์สเรียนพร้อมรับระบบเทรด Sniper-III

Existing Users Log In