คู่มือการใช้งานระบบเทรด MT5 TDA SYSTEM ตอนที่ 1
ระบบเทรด MT5 TDA SYSTEM เป็นชื่อย่อมาจากเทคนิค Top Down Analysis คือการวิเคราะห์จากบนลงมาล่าง หรือ การเริ่มต้นมองจากภาพรวมใหญ่ แล้วค่อยๆย่อยลงมามองในส่วนที่เล็กลง ในวงการเทรดก็คือการเทรดด้วยการมองจากหลายๆไทม์เฟรมนั้นเอง เทคนิคการเทรดทำกำไรที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการเทรดมายาวนานตั้งแต่เริ่มมีตลาดเทรดเกิดขึ้นบนโลกนี้ก็คือการเทรดตามแนวโน้ม (Trend) หลักของตลาด ซึ่งเป็นเทคนิคยอดนิยมแรกของวงการ ต่อมาก็ค่อยมีเทคนิคแบบอื่นๆตามมาทีหลัง
การเทรดแบบตามแนวโน้มหลักของตลาดชื่อก็บ่งบอกความหมายอยู่แล้ว หลักการของเทคนิค Top Down Analysis ก็คือการเริ่มต้นจากการมองเทรนด์ในไทม์เฟรมที่ใหญ่ๆก่อน โดยหลักของของเทคนิค Top Down Analysis จะแบ่งไทม์เฟรมออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
1. ไทม์เฟรมแนวโน้ม ก็คือไทม์เฟรมที่ใหญ่สุดในการเลือกของเรา
2. ไทม์เฟรมวางแผนการหาโซนราคาที่จะเข้าเทรด จะเป็นไทม์เฟรมที่เล็กลงกว่า ไทม์เฟรมแนวโน้มในข้อที่ 1
3. ไทม์เฟรมเข้าออเดอร์ จะเป็นไทม์เฟรมที่เล็กที่สุดใน 3 ข้อนี้
หลักการสำคัญของเทคนิค Top Down Analysis ก็คือไทม์เฟรมวางแผนหาโซนราคาที่จะเข้าเทรดตามข้อที่ 2 ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกระยะทำกำไรเท่าไหร่ เพราะเราจะมองระยะการทำกำไรที่ไทม์เฟรมวางแผนนี้ เช่น เปิดกราฟ H1 ขึ้นมา ลองมองหากลุ่มแท่งเทียนขนาดปกติที่มันวิ่งเรียงกันที่ ไม่มีแท่งยาวๆในตอนมีข่าวปนอยู่ ลองวัดระยะห่างของ 5 แท่งเทียนดูว่าได้ระยะประมาณกี่จุด วัดคร่าวๆจะวัดจากไส้ หรือจากเนื้อเทียนก็ได้ ไม่ต้องซีเรียส ระยะ 5 แท่งเทียนเคลื่อนที่ได้เท่าไหร่ก็คือค่าเฉลี่ยของระยะที่ควรใช้ทำกำไรของคู่เงินนั้นๆ
การวัดระยะทำกำไรไม่ควรใช้แท่งเทียนมากกว่า 5 แท่ง เพราะมันใช้เวลานานเกินไป แม้ว่าราคาอาจจะไปตามทิศทางนั้นมากกว่า 5 แท่งก็จริง แต่ระหว่างทางอาจจะเจอราคากระชากแรงๆ ก่อนจะไปตามทิศทางหลัก ซึ่งอาจจะส่งผลต่อจุด Stop loss ได้ ในการณ์ที่วาง Stop loss ใกล้ๆ
การหาระยะการทำกำไรจากไทม์เฟรมวางแผน ท่านอาจจะใช้วิธีการตามภาพล่างนี้ก็ได้ หรือ จะวัดสุ่มๆแล้วกะคร่าวๆในใจเอาเองก็ได้ แต่หากเราสุ่มวัดจากหลายๆชุด แล้วเอามาคำนวณหาค่าเฉลี่ย จะทำให้ค่าตัวเลขระยะการทำกำไรใกล้ความจริงมากที่สุด ตามตัวอย่างนี้คือระยะการทำกำไรโดยเฉลี่ยของกราฟทองคำที่ H1
เมื่อเราได้เลือกใช้ H1 เป็นไทม์เฟรมวางแผน และ ได้ระยะทำกำไร แล้ว ขัั้นตอนต่อไปเราก็มาหาแนวโน้มหลัก หรือ เทรนด์หลัก ที่เราจะใช้ในการอ้างอิงร่วมกับไทม์เฟรมวางแผน H1 ตามหลักการของเทคนิค Top Down Analysis ก็จะใช้วิธีมองไทม์เฟรมที่ใหญ่หรือสูงกว่าไทม์เฟรมวางแผน 1 ชั้น นั้นก็คือ H4 ซึ่งจะมีอัตราส่วน 4 เท่าของ H1 เป็นสัดส่วนที่มากพอที่จะใช้อ้างอิงเป็นไทม์เฟรมแนวโน้มให้กับ H1 ได้ อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ D1 ในการอ้างอิงร่วมก็ได้
แต่ในกรณีที่ชำนาญมากแล้ว การใช้ D1 อ้างอิง เราจะสามารถใช้การย่อตัว (Pullback หรือ Rebound) ของ H4 มาใช้ประโยชน์ร่วมในการใช้เป็นไทม์เฟรมแนวโน้ม ตามข้อที่ 1 ได้ นั้นก็คือการใช้บน 2 ไทม์เฟรมเป็นไทม์เฟรมแนวโน้ม เบื้องต้นแนะนำให้เลือกใช้ไทม์เฟรมแนวโน้มเพียง 1 ไทม์เฟรมก็พอ
มาถึงตรงนี้เราได้ไทม์เฟรมออกมาแล้ว 2 ไทม์เฟรมคือ
H4 ไทม์เฟรมแนวโน้ม
H1 ไทม์เฟรมวางแผน
ที่เหลือก็คือไทม์เฟรมเข้าออเดอร์ซึ่งข้อนี้ไม่มีสูตรตายตัว ขอเพียงต่ำกว่าไทม์เฟรมวางแผนก็โอเคแล้ว เราอาจจะใช้ M15 หรือ M5 หรือ M1 ในการเข้าออเดอร์ก็ได้ ขอเพียงต้องยึดกฎหลักคือต้องเข้าออเดอร์เมื่อเกิดการย่อตัว (Pullback หรือ Rebound) ในไทม์เฟรมที่จะใช้เข้าออเดอร์ กฎข้อนี้สำคัญมาก
การทำงานของระบบเทรนด์หลัก
ระบบตรวจสอบเทรนด์หลักของระบบเทรด MT5 TDA SYSTEM จะใช้การมองจากภาพรวมใหญ่ของงกราฟของไทม์เฟรมนั้นๆ โดยอ้างอิงตามทฤษฎีดาวน์ ตามภาพล่างนี้ที่ไทม์เฟรม H1 แสดงเทรนด์หลักเป็นขาขึ้น การเรียกเส้นเทรนด์ไลน์ขึ้นมาแสดงนั้นให้คลิ๊กที่ปุ่ม “เทรนด์หลัก”
ภาพล่างนี้แสดงเทรนด์หลักเป็นขาลง โดยอ้างอ้งจุด Low ลดตัวลง และ High ลดตัวลง
ภาพล่างนี้แสดงเทรนด์หลักเป็นการพักตัว หรือ ราคาวิ่งออกข้างเป็น Sideway โดยสังเกตุจาก จุด Low และ High ที่วิ่งไปคนละทาง
การทำงานของระบบเทรนด์ย่อย
เทรนด์ย่อยในที่นี้หมายถึงเทรนด์ล่าสุดที่กำลังวิ่งอยู่ หรือ เรียกอีกแบบหนึ่งคือเทรนด์ในท่อนปัจจุบันหากมองการขึ้นลงของกราฟเป็นแบบฟันปลา ตามภาพล่างนี้ราคาท่อนปัจจุบันได้วิ่งลงต่อเนื่อง จึ้งเกิดการแสดง DOWN ที่ช่องของเทรนด์ย่อย
ภาพล่างนี้ราคาท่อนปัจจุบันได้วิ่งลงมาต่อเนื่อง และ ราคาได้วิ่งสวนทางย้อนกลับขึ้นไปทำ Rebound เพื่อรอการดีดตัวลงไปต่อตามเทรนด์ท่อนปัจจุบัน
ในภาพล่างนี้ราคาปัจจุบันได้วิ่งขึ้นต่อเนื่อง จึงแสดงสถานะเป็น UP ที่ช่องเทรนด์ย่อย
ภาพล่างนี้ราคาท่อนปัจจุบันได้วิ่งขึ้นมาต่อเนื่อง และ ราคาได้วิ่งสวนทางย้อนกลับลงมาทำ Pullback เพื่อรอการดีดตัวขึ้นไปต่อตามเทรนด์ท่อนปัจจุบัน
แล้วจะใช้งานไทม์เฟรมวางแผนอย่างไร?
ในการเทรดที่ถูกต้องตามหลักการเราจะไม่เข้าเทรดพร่ำเพรื่อ หรือ เข้าเทรดตามใจฉัน เราจะต้องมีโซนราคาที่ชัดเจนเสียก่อน ไม่งั้นเราก็จะเจอการเปิด Buy ที่ยอดดอย และ เปิด Sell ใต้ก้นเหว เปิดออเดอร์เสร็จราคาไปอีกทางยาวๆ ดังนั้นเพื่อให้การเทรดแต่ละครั้งมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน
เรื่องผิดพลาดขาดทุนมันหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนในงานเทรด เพียงแต่ขอให้ความผิดพลาดนั้นมันต่อเนื่องมาจากเราได้วางแผนมาดีแล้ว แต่มันเกิดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หรือ เราไม่สามารถวาง Stop loss ได้ไม่ไกลนักเพราะทุนจำกัด หรือ เกิดสถานการณ์ราคาวิ่งกระชากจากข่าวแรง ดังนั้นทุกๆออเดอรืที่จะเข้าเทรด เราต้องพอถีพิถัน วางแผนให้รอบคอบ ต้องมีผลเหตุรองรับว่าทำไมเราถึงตัดสินใจเข้าเทรด เราต้องอธิบายเหตุผลได้ ไม่ใช่การเข้าเทรดแบบไม่มีเหตุผลที่รับฟังได้ เข้าเทรดเพราะคิดแค่ว่าดูแล้วราคามันจะวิ่งไปตามที่คิดเองเออเอง
แนวรับ-แนวต้าน คือหัวใจสำคัญของงานเทรด
แนวรับ แนวต้าน หรือ หัวใจหลักของงานเทรด ทฤษฎีต่างๆ หรือ เครื่องมือ เทคนิคต่างๆ เช่น Fibonacci ,Trendline หรือ Demand & Supply หรือ Order Block รวมถึง Price Pattern รูปแบบต่างๆ เช่น Elliott Wave ,Harmonic Pattern ฯลฯ มันมีความเกี่ยวข้องกับแนวรับ-แนวต้านทั้งนั้น นี่เราพูดถึงหลักสากล หลักของคนส่วนใหญ่ จริงอยู่อาจจะมีโค้ชหรืออาจารย์สอนเทรดบางท่านบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้แนวรับ-แนวต้านในการเทรด หรือ บอกว่าแนวรับแนวต้าน ไม่สำคัญ อันนี้ก็คงไม่ได้ผิดสำหรับเทคนิคเฉพาะที่เขาใช้สอนหรือใช้เทรด ถือว่าเป็นเทคนิคเฉพาะตัว หรือ ความสามารถเฉพาะตัวของโค้ชหรืออาจารย์ท่านนั้นๆ
แต่ ณ.ตรงนี้และในแนวคิดของผู้เขียนเอง ขออนุญาตยึดเอาหลักการที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ เพื่อให้เราได้เห็นมุมมองด้านจิตวิทยาหมู่ของคนส่วนใหญ่ในตลาดว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วจึงงัดเอาหลักคิดหรือวิธีการของคนส่วนน้อยที่ใช้เทรดทำกำไรจากคนส่วนใหญ่ได้ เพราะงานเทรดมันคือการเอากำไรจากคนส่วนใหญ่มาจ่ายให้คนส่วนน้อย ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดเพราะนี่คือคู่มือใช้งานระบบเทรดไม่ใช่คอร์สสอนเทรดเชิงลึก
หากเราให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร เรื่องนั้นมันก็จะสร้างประโยชน์ให้กับงานของเราในที่สุด เมื่อเราให้ความสำคัญเรื่องใดเราก็ย่อมเข้าใจเรื่องนั้นดีถึงดีมากๆ แน่นอนเมื่อเราเข้าใจดีมันย่อมสร้างประโยชน์ให้กับเราได้มากเท่ากับความสำคัญที่เราให้กับเรื่องนั้น แนวรับ แนวต้าน จะมีความสำคัญต่องานเทรดของเรามากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสำคัญกับมันมากน้อยแค่ไหน
สำหรับในคู่มือนี้การเข้าเทรดแต่ละครั้งจะต้องมีเรื่องของแนวรับ แนวต้าน รองรับ หรือ อ้างอิงได้ว่ามันเป็นแนวรับ หรือ แนวต้านที่มีนัยยะสำคัญมากน้อยแค่ไหนสมควรเข้าเทรดหรือไม่ เทคนิคที่ใช้งานได้ผลดีแนะนำใช้เทคนิค Demand & Supply หรือ Order Block ซึ่งท่านสามารถศึกษาได้จากคอร์สที่แถมให้ฟรีได้โดยตรง หรือ ศึกษาจากวีดีโอในหลุ่มไลน์ซึ่งจะจัดทำเป็นตอนๆให้อีกครั้ง
สำหรับในคู่มือนี้จะเน้นไปที่เรื่องของการใช้งานเครื่องมือของระบบเทรด MT5 TDA System เพื่อมองหาโซนการเทรดจากแนวรับ-แนวต้านที่เห็น ซึ่งเราสามารถเอาไปใช้ประกอบการหา Demand & Supply หรือ Order Block ได้เป็นอย่างดี หากเรามองแนวรับ-แนวต้านออกและถูกต้อง เราก็จะสามารถต่อยอดไปสู่เทคนิคอื่นๆได้อีกมากมาย
ในตอนที่ 2 จะเป็นเทคนิคการใช้เครื่องมือแนวรับแนวต้านของระบบเทรด MT5 TDA System ในการเทรดจริง
https://sniper3.com/mt5-tda-1
Login เพื่ออ่านต่อ...
เนื้อหาทั้งหมดของบทเรียนนี้ ทั้งบทความ ,วีดิโอ ,ไฟล์ PDF เข้าดูได้เฉพาะสมาชิกของ Sniper-III+คอร์ส เท่านั้น โดยการ Login เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าห้องเรียนในบทต่างๆ
หากยังไม่เป็นสมาชิก
คลิ๊กที่นี่เพื่อสมัครเข้าคอร์สเรียนพร้อมรับระบบเทรด Sniper-III